PM 2.5 ที่พบได้ตามเขตตัวเมืองต่าง ๆ นั้นมีค่าเกินกว่ามาตรฐานที่องค์กรอนามัยโลกกำหนดและในจำนวนนี้ยังพบปริมาณก๊าซพิษที่ประกอบด้วยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ โลหะหนัก ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ โอโซนและสารพิษชนิดอื่น ๆ อีกหลายชนิดด้วยกัน หลายคนคงทราบกันดีว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจได้โดยตรงแต่เชื่อหรือไม่ว่า PM 2.5 ยังส่งผลกระทบต่อผิวหนังอีกด้วย
ผิวหนังก็จัดว่าเป็นอวัยวะชนิดหนึ่งของร่างกายที่มีขนาดใหญ่และปกคลุมทั่วร่างกายของเราอยู่ ซึ่งต้องเจอกับฝุ่น PM 2.5 โดยตรงและตัวเราเองก็ยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก ซึ่งงานวิจัยหลายชนิดชี้ว่าหนังกำพร้าของมนุษย์จะเริ่มอักเสบถ้าหากอยู่ในบริเวณที่มีฝุ่น PM 2.5 หนาแน่นเกินกว่าค่าที่องค์กรอนามัยโลกกำหนดคือก็คือ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
หลังจากผิวหนังอักเสบจาก PM 2.5 แล้วกลไกการทำงานหลาย ๆ อย่างก็จะทำงานผิดปกติ เพราะ PM 2.5 นั้นมีขนาดเล็กมากในระดับที่สามารถดักจับเอาสารพิษและโลหะหนักต่าง ๆ เข้าไปในชั้นใต้ผิวหนังได้ ส่งผลกระทบต่อโปรตีน Filaggrin ที่คอยทำหน้าที่กระตุ้นสารคัดหลั่งและป้องกันผิวหนังมลพิษภายนอกแล้วผลตามมาคือเกิดผื่นคันที่ผิวหนังบริเวณนั้น
ปัญหา PM 2.5 กับผิวหนังนั้นจะรุนแรงมากขึ้นหากมีโรคผิวหนังอยู่ก่อนแล้ว เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง สะเก็ดเงิน สิว ผมร่วง ผื่นผิวหนังอักเสบ และฝุ่น PM 2.5 ยังสามารถส่งผลกระทบแบบเรื้อรังโดยก่อให้เกิดอนุมูลอิสระที่จะไปรบกวนกระบวนการสร้างเซลล์ผิวและเพิ่มความชราให้กับผิว