Category: ธุรกิจออนไลน์

ควบคุมอาหารอย่างไรให้มีความสุข

ไม่ว่าเป้าหมายของการควบคุมอาหารคืออะไร แต่สิ่งที่ตามมาคือความทุกข์จากการอดอาหาร เพราะการกินถือเป็นพื้นฐานที่ใช้ในการดำรงชีวิตเหมือนกับร่างกายอยากจะสื่อว่าคนเราไม่ควรอดอาหารเพราะมันเป็นธรรมชาติ การฝฝืนธรรมชาติเป็นสิ่งไม่ดี แต่ก็สามารถลดปัจจัยเสี่ยงเพื่อให้ควบคุมอาหารอย่างไรให้มีความสุขเหมือนกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิตใจ ต้องเข้มแข็งเพื่อให้ถึงจุดหมาย ไม่ว่าจะเป็นการอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักหรือการอดอาหารเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างเช่น การควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสำหรับคนเป็นเบาหวาน เมื่อวางแผนไว้แล้วจะต้องทำให้ได้ตามที่กำหนดไว้ ในช่วงแรกอาจสร้างความลำบากบ้างแต่เมื่อทำซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ จะกลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่ไม่สร้างความทรมานให้กับตัวเราแน่นอน เครื่องปรุง ปัจจุบันนี้การรับประทานอาหารสำเร็จรูปที่มีขายตามท้องตลาดหรือการกินอาหารตามสั่งทั่วไปจนถึงร้านหรูระดับพรีเมียมก็ตาม สิ่งที่แฝงมาในความอร่อยคือเครื่องปรุง เพราะคนทำอาหารก็ต้องการให้คนรับประทานอร่อยแต่ ความอร่อยล้วนมากับโรคภัยไข้เจ็บอยู่เสมอ อย่างเกลือถึงแม้จะเป็นแร่ธาตุที่สำคัญกับร่างกายถ้ารับประทานมากเกินไปก็ส่งผลเสียต่อไตมากเป็นพิเศษ ถ้าเป็นคนติดเค็มอาจจะต้องเป็นโรคไตตามมา เชื่อว่าหลายคนคงไม่อยากจะไปฟอกไตที่โรงพยาบาลอย่างแน่นอน ดังนั้นควรลดปริมาณเครื่องปรุงลงบ้างเพื่อให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานน้อยลง และการทานอาหารรสอ่อนยังส่งผลต่อปริมาณการกินที่น้อยลงอีกด้วย ลดการกินจุบกินจิบ การกินอาหารไม่เป็นเวลาจะเป็นบ่อเกิดของความล้มเหลวในการควบคุมอาหาร นอกจากจะไม่มีระเบียบวินัยแล้วยังทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพหิวอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นควรจะรับประทานอาหารให้เป็นมื้ออย่างตรงเวลาเพื่อให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขนมปังโฮลวีตดียังไงกับสุขภาพ

ถึงแม้ขนมปังจะไม่ใช่อาหารที่มีต้นกำเนิดจากในประเทศไทย แต่ในปัจจุบันนี้การรับประทานขนมปังก็แพร่หลายมาก ถูกใช้เป็นอาหารเช้า ขนมกินเล่น ขนมที่ใช้พักเบรกในเวลาประชุม จนขนมปังมีมากมายหลายชนิด อย่างขนมปังฝรั่งเศส ขนมปังญี่ปุ่น ขนมปังแป้ง ฯลฯ ถึงแม้จะเป็นอาหารสำหรับกินเหมือนกันแต่ผลที่ได้จากการกินก็ไม่เหมือนเสมือไป ซึ่งวันนี้จะมาพูดถึงขนมปังโฮลวีตที่เป็นขนมปังเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ ขนมปังโฮลวีทเองก็มีหลายสูตรตามที่ผู้ทำจะคิดได้ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือขนมปังโฮลวีตจะผสมไปด้วยธัญพืชหลากชนิด อย่างเช่นข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต ลูกพีช เมล็ดทานตะวัน ลูกแพร์ กีวี ผิวแอปเปิล ตลอดถึงสูตรผลไม้และพืชผักต่าง ๆ อีกเป็นจำนวนมากตามผู้ผลิตจะคิดออกมา กรรมวิธีการทำขนมปังโฮลวีตจะทำให้เกิดคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนและธัญพืชที่ติดมากับขนมปังส่วนมากจะเป็นสารอาหารประเภทขัดสีน้อยทำให้ดีต่อระบบย่อยอาหารอีกด้วย สำหรับคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจะมีประโยชน์มากสำกับร่างกายโดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน ร่างกายจะค่อย ๆ ดูดซึมเส้นใยและสารอาหารต่าง ๆ จากคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนอย่างค่อยเป็นค่อยไปทำให้ร่างกายมีพลังงานใช้ตลอดช่วงวัน ถึงแม้ขนมปังโฮลวีตจะมีราคาแพงกว่าปกติเพียงเล็กน้อยแต่ก็ถือว่าเป็นการลงทุนด้านสุขภาพที่คุ้มค่า นอกจากจะได้รับความเอร็ดอร่อยจากการรับประทานแล้วยังห่างไกลต่อโรคหลายโรค แต่อย่างไรก็ตามขนมปังถือเป็นอาหารที่แปรรูปไม่ควรรับประทานมากเกินไปจนเกิดผลเสียต่อร่างกาย

วิธีคุมน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร

น้ำหนักที่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครหลายคนไม่ว่าจะปัญหาน้ำหนักเกิน น้ำหนักน้อยดูแล้วไม่สมส่วน บางคนเลือกวิธีอดอาหาร ออกกำลังกาย แม้กระทั่งการกินยาลดความอ้วน แต่วันนี้จะมาพูดถึงการควบคุมอาหารแบบไม่ต้องอด โดยมีความคิดพื้นฐานมาจากการจำกัดสิ่งที่รับเข้าไปเพื่อไม่ให้มันสะสมในร่างกาย วิธีนี้ต้องมีระเบียบวินัยที่จะทำตามแผนที่วางไว้ให้ได้ มีคนไม่น้อยที่ล้มเลิกความคิดไปเพียงเพราะทนต่อความอยากอาหารไม่ได้ จะเห็นว่าจิตใจเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับต้น ๆ สำหรับการควบคุมน้ำหนักมีประสิทธิภาพ ดังนั้นควรคิดถึงเป้าหมายอยู่เสมอเพื่อใช้เป็นแรงกระตุ้นให้พุ่งไปสู่เป้าหมายอย่างไม่วอกแวกกับสิ่งรบกวนที่มักผ่านเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นคนรอบข้าง เพื่อนฝูงที่ชอบเอาอาหารมาล่อ ชวนไปกินบุฟเฟ่ ชวนไปพบปะสังสรรค์เป็นประจำ มื้อเช้า เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ควรอดเพราะต้องใช้พลังงานในการกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวและนำไปใช้ทำงานในระหว่างวัน ดังนั้นควรจะรับประทานอาหารแบบปกติถึงจะดีที่สุด มื้อกลางวัน ควรทานอาหารให้เน้นประเภทผักที่อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ แต่สิ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่านั้นก็คืออาหารที่ให้พลังงานประเภทแป้งและเนื้อสัตว์เพราะยังต้องมีกิจกรรมที่ต้องทำอยู่ มื้อเย็น ควรจะเน้นทานอาหารเบา ๆ ที่ให้พลังงานต่ำ หลีกเลี่ยงแป้งและน้ำตาล อาจจะเลือกเป็นการรับประทานสลัด หรือผลไม้ที่ นอกจากจะไม่ต้องทนหิวแล้วยังสามารถควบคุมน้ำหนักและส่งเสริมการทำงานของลำไส้ให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ในช่วงที่ผ่านมาไม่นานนี้หลายคนคงเห็นกระแสทางโซเชียลมีเดียตลอดถึงสื่อหลักหลายสำนักที่หยิบในเรื่องสารพิษกำจัดศัตรูพืชมาเป็นประเด็นพูดคุยเพราะการร่างกฎหมายแบนสารพิษกำจัดศัตรูพืชถือเป็นก้าวแรกที่ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ นอกจากนี้สารกำจัดศัตรูพืชที่แบนไปล้วนเป็นสารอันตรายที่หลายประเทศทั่วโลกไม่ยอมรับ โดยสั่งเป็นกฎหมายห้ามนำเข้า ห้ามผลิตภายในประเทศ ห้ามจำหน่ายเด็ดขาด ยิ่งประเทศเกษตรกรไม่ค่อยใส่ใจระเบียบข้อบังคับอย่างประเทศไทยแล้วที่มีการใช้สารเคมีกับพืชผักผลไม้เป็นจำนวนมาก ส่งผลเสียต่อผู้ใช้สารเคมีอย่างเกษตรกรไปจนถึงผู้บริโภคที่รับประทานเข้าไปซึ่งมีโอกาศเป็นโรคมะเร็งและได้รับอันตรายจากสารพิษมากขึ้นอย่างเลี้ยงไม่ได้ พืชผักผลไม้แบบออแกนิคนั้นผลิตขึ้นมาโดยให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นหลัก จะลดการใช้สารเคมี สารสังเคราะห์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เฉพาะสารเคมีที่อันตรายอย่างสารกำจัดศัตรูพืช แต่จะเลี่ยงไปใช้ประเภทปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกหรือการทำโรงเรือนเพื่อป้องกันศัตรูพืชต่าง ๆ ถึงแม้พืชผักแบบออแกนิคจะมีราคาสูงกว่าปกติ แต่ก็เพราะต้นทุนในการผลิตที่สูง แต่ก็มาพร้อมกับความปลอดภัยกับสุขภาพของผู้บริโภคในระยะยาว ยิ่งในปัจจุบันมีเทรนการรักษาสุขภาพเยอะมากไม่ว่าจะเป็นการเข้าฟิตเนส การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารเสริม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสินค้าออแกนิคให้มีการพัฒนาก้าวหน้า ซึ่งเราควรส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันเพื่อให้ผักออแกนิคมีราคาลดลงในอนาคต นอกจากผักออแกนิกจากดีต่อเกษตรกรและผู้บริโภคแล้วยังลดความเป็นพิษต่อสภาพแวดล้อมได้มากเลยทีเดียว

นอนทับตะวัน ความเชื่อ กับ ความจริง

ปู่ย่าตายายหรือคนแก่ ๆ มักจะบ่นว่าอย่าไปนอนทับตะวันเดียวผีจะเข้าสิง เดียววิญญาณจะออกจ่างร่าง และอีกหลายอย่างที่ใช้ขู่ใว้ไม่ให้ไปหลับในช่วงเย็นที่ยังไม่มืดสนิด ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากลักษณะการใช้ชีวิตของโบราณที่ทุกคนต้องปากกัดตีนถีบ ดังนั้นการนอนในช่วงเย็นจึงเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยควรทำเท่าไหร่ แต่ในความเชื่อเหล่านี้ก็ยังมีความคิดทางวิทยาศาสตร์ที่นำมาใช้กล่องรับได้ ซึ่งปู่ย่าตายายในสมัยเก่ามักจะคิดว่าการนอนทับตะวันมีส่วนให้ไหลตายหรือหลับแล้วไม่ตื่นอีกเลย ความจริงของกุศโลบายนี้คือการปลูกฝังให้คนวัยหนุ่มสาวรู้จักทำงานบ้านงานเรือน เพราะในช่วงกลางวันคนเหล่านี้ก็มีหน้าที่ออกไปทำงานนอกบ้านตั้วแต่การเพาะปลูก การค้าขายสินค้า ไปจนถึงการรับจ้าง จึงใช้เวลาในช่วงนี้ในการทำความสะอาดบ้านเรือนให้ นอกจากนี้หลังจากช่วงเย็นก็ถือเป็นช่วงที่หลังรับประทานอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ถ้าจะนอนหลับในขณะที่ร่างกายย่อยอาหารอยู่ ในช่วงเย็นที่ตะวันไม่ตกดินยังมีแสงสว่างที่ส่งผลต่อการนอนได้ สมองของเรามีการทำงานโดยอ้างอิงเวลาจากต่อมใต้สมองที่เรียกว่าต่อมไพเนียล ต่อมใต้สมองนี้อาจจะถูกเรียกอีกชื่อว่าเป็นนาฬิกาชีวิตที่จะคอยกำหนดให้ร่างกายรู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร ควรหรับหรือควรตื่น ถ้าหากหลับนอนไม่เป็นเวลาทำให้สมองทำงานผิดปกติและสุขภาพไม่ดีตามมา ตากสภาพเหล่านี้ยังมีโอกาศจะนอนแล้วถ้าเป็นสมัยก่อนก็ต้องคิดว่าเป็นอาการผีเข้านั่นเอง

หรือBMI คือเรื่องหลอกลวง

เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกับค่าBMI (Body Mass Index) หรือดัชนีมวลกายนั่นเอง เชื่อหรือไม่ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาจากบริษัทประกันที่ต้องการลูกค้า มีเรื่องเล่าว่าพนักงานประกันคนหนึ่งต้องการทำยอดขายประกันทะลุเป้าแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้มีคนมาซื้อประกันของเขา เพราะแต่ละคนก็ล้วนมีสุขภาพดีอยู่แล้ว เขาก็เลยกำหนดเกณฑ์มาตรฐานหนึ่งขึ้นมาโดยอ้างอิงจากหลักการทางสถิติเพียงเล็กน้อยจนเกิดเป็นค่าดัชนีมวลกายขึ้นมา แล้วพนักงานขายคนนี้ได้ใช้ค่าดัชนีมวลกายในการบอกลูกค้าว่ามีสุขภาพไม่ดี ควรดูแลตนเองและทำประกันเพื่อรองรับโรคที่จะเกิดตามมาในอนาคต แน่นอนว่าปีนั้นยอดขายของเขาเกินเป้าไปหลายเท่าตัวจนบริษัทอื่น ๆ ก็เลยทำตามเขาจนกลายมาเป็นค่า BMI ที่เรารู้จักทุกวันนี้ การมีสุขภาพที่ดีไม่ได้แสดงออกมาจากร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องรวมไปถึงสภาพจิตใจที่สดใสไม่หม่นมอง จะเห็นว่าในปัจจุบันนี้มีคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่มีสภาพทาง EQ ต่ำมาก มีปัญหาเพียงเล็กน้อยก็เสมือนกับภูเขาไฟปะทุออกมา ควบคุมสติไม่ได้ มีคนจำนวนมากที่เป็นโรคซึมเศร้าจากสภาพสังคมแวดล้อม ฉะนั้นควรทำความเข้าใจกับคำว่าสุขภาพดีให้ครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ โดยสรุปแล้วร่างกายมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่สุดแสนมหัศจรรย์จนถึงปัจจุบันแม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าขนาดไหนก็ยังไม่อาจไขความลับของการทำงานในร่างกายได้หมด ดังนั้นควรใช้ชีวิตในแบบธรรมชาติไม่หนักไปทางใหนเกินไป ถึงแม้จะมีหุ่น มีน้ำหนักส่วนสูงที่ต่างจากค่า BMI แต่ถ้าไม่ผิดปกติจากคนทั่วไปมากก็ไม่ควรเป็นกังวล เพียงแค่รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และพักผ่อนให้เพียงพอแค่นี้ก็พอแล้วไม่ต้องไปสนใจค่าดัชนีมวลกายอีกต่อไป

เรื่องของฝุ่น

ปกติแล้วเศษฝุ่นละอองต่าง ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศจะมีขนาดตั้งแต่ 10 ถึง 100 ไมครอนเป็นต้นไปซึ่งเศษฝุ่นเหล่านี้มนุษย์เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และฝุ่นเหล่านี้ก็สร้างปัญหาให้กับการหายใจได้ในระดับหนึ่งแต่ก็เทียบไม่ได้กับฝุ่น PM 2.5 ที่มีขนาดเล็กมากในระดับที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ เนื่องด้วยขนาดที่เล็กมากนั้นจึงเป็นปัญหาเมื่อเศษอนุภาคของฝุ่นเหล่านี้เข้าไปในร่างกายมนุษย์ ฝุ่นที่มีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 10 ไมครอนขึ้นไปเมื่อเราหายใจเข้ามา ฝุ่นจะติดอยู่ตามจมูกหรือตามทางเดินหายใจ ไปจนถึงเนื้อเยื่อปอด แต่สำหรับฝุ่น PM 2.5 ที่เข้ามาก็ยังสามารถซึมเข้าไปในกระแสเลือด แน่นอนว่ามันก็จะไหลเวียนไปตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ได้ง่ายมาก จนเกิดปัญหาอื่นตามมาอีกมากโดยเฉพาะการกระตุ้นการอักเสบของอวัยวะและเนื้อเยื่อ และถ้าหากฝุ่น PM 2.5 ในกระแสเลือดไหลเวียนไปยังอวัยวะที่สำคัญอย่างสมองและปลายเส้นประสาทก็จะส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นทำงานผิดปกติตลอดถึงเกิดการอักเสบภายในและในกรณีเลวร้ายก็จะเปลี่ยนเป็นเนื้อร้ายได้ ถึงแม้ฝุ่นจะมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดตัวของเราแต่จะเห็นว่าปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากฝุ่นนั้นไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นขนาดเล็กหรือฝุ่นขนาดใหญ่ควรจะใส่ใจและป้องกันอยู่เสมอ อย่างน้อยก็ควรจะสวมหน้ากากที่มีประสิทธิภาพในการป้องกัน PM

PM 2.5 กับโรคทางผิวหนัง

PM 2.5 ที่พบได้ตามเขตตัวเมืองต่าง ๆ นั้นมีค่าเกินกว่ามาตรฐานที่องค์กรอนามัยโลกกำหนดและในจำนวนนี้ยังพบปริมาณก๊าซพิษที่ประกอบด้วยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ โลหะหนัก ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ โอโซนและสารพิษชนิดอื่น ๆ อีกหลายชนิดด้วยกัน หลายคนคงทราบกันดีว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจได้โดยตรงแต่เชื่อหรือไม่ว่า PM 2.5 ยังส่งผลกระทบต่อผิวหนังอีกด้วย ผิวหนังก็จัดว่าเป็นอวัยวะชนิดหนึ่งของร่างกายที่มีขนาดใหญ่และปกคลุมทั่วร่างกายของเราอยู่ ซึ่งต้องเจอกับฝุ่น PM 2.5 โดยตรงและตัวเราเองก็ยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก ซึ่งงานวิจัยหลายชนิดชี้ว่าหนังกำพร้าของมนุษย์จะเริ่มอักเสบถ้าหากอยู่ในบริเวณที่มีฝุ่น PM 2.5 หนาแน่นเกินกว่าค่าที่องค์กรอนามัยโลกกำหนดคือก็คือ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หลังจากผิวหนังอักเสบจาก PM 2.5 แล้วกลไกการทำงานหลาย ๆ อย่างก็จะทำงานผิดปกติ เพราะ PM 2.5 นั้นมีขนาดเล็กมากในระดับที่สามารถดักจับเอาสารพิษและโลหะหนักต่าง

PM 2.5 กับโรคในระบบทางเดินหายใจ

ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ถูกนำมาเป็นประเด็นทางสังคมอีกครั้ง ทั้งทางภาครัฐและเอกชนหลายส่วนต่างก็เห็นถึงปัญหาและร่วมรณรงค์ด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อลด PM 2.5 ให้น้อยลง แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งผลกระทบของ PM 2.5 ที่เห็นได้ชัดมากที่สุดก็คือผลต่อระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ PM 2.5 ที่ปกคลุมอยู่รอบ ๆ ตัวของเรามีค่าเกินกว่ามาตรฐานตามที่องค์กรอนามัยโลกได้กำหนดไว้ ทำให้ฝุ่นกลายเป็นปัญหาหลักโดยเฉพาะคนในย่านชุมชนเมืองแออัดที่มีทั้งการจราจรและโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นต้นเหตุของการก่อให้เกิด PM 2.5 บุคคลจำนวนมากที่ต้องใช้ชีวิตในเขตมลพิษเหล่านี้ค่อนข้างมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคในระบบทางเดินหายใจในหลาย ๆ รูปแบบ ตั้งแต่มีอาการของไข้หวัดใหญ่ธรรมดาไปจนถึงการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจแบบเรื้อรัง และยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่าง ปอดบวม หรือปอดอักเสบ ได้อีกด้วย เมื่อฝุ่น PM 2.5 เข้ามาถึงบริเวณปอดก็จะเกาะตามเนื้อเยื่อปอด

PM 2.5 ต้นเหตุของโรคเยื่อบุตาอักเสบ

ดวงตาของมนุษย์จัดเป็นอวัยวะที่อ่อนแอมากที่สุดของร่างกายมนุษย์เพราะต้องถูกใช้งานอยู่ตลอดเวลาและยังอยู่ภายนอกร่างกาย ซึ่งจะสังเกตเห็นว่าดวงตาต้องการน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ดวงตาสามารถทำงานได้อย่างปกติ ถ้าหากดวงตาขาดน้ำหล่อเลี้ยงแล้วก็จะเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ โรคเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดงนั้นนอกจากจะมีต้นเหตุมาจากความสกปรกด้วยการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียแล้วยังสามารถเกิดจากฝุ่น PM 2.5 ได้อีกด้วย เพราะภายในฝุ่น PM 2.5 นั้นประกอบด้วยก๊าซพิษและโลหะหนักหลายชนิดด้วยกัน และน้อยคนนักที่คิดว่าฝุ่น PM 2.5 สามารถส่งผลกระทบต่อดวงตาได้ ฝุ่นควันจาก PM 2.5 ที่เข้าสู่ดวงตาจะไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ บวม แดงบริเวณตาขาว ปกติแล้วอาการนี้สามารถหายไปได้เองในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ แต่ถ้าหากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องก็มีโอกาสกลายเป็นโรคเรื้อรังและพัฒนาไปสู่โรคต้อลมได้เหมือนกัน การป้องกันฝุ่น PM 2.5 ไม่ให้ทำอันตรายต่อดวงตานั้นสามารถทำได้ยาก เชื่อว่าคงไม่มีใครเลือกใส่หน้ากากกันแก๊สพิษในที่สาธารณะอย่างแน่นอน อย่างมากก็เลือกใช้เพียงแค่ผ้าปิดจมูกที่มีประสิทธิภาพในการกรอง PM 2.5

น้ำหนักตัวสำคัญขนาดไหน

คนจำนวนไม่น้อยที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับน้ำหนักตัวมากเกินไป จนบางครั้งการถามน้ำหนักตัวกับสุภาพสตรียิ่งแล้วใหญ่เพราะถือเป็นการเสียมารยาทที่ถามเรื่องส่วนตัว ทั้งยังมีเทรนการลดน้ำหนักมาก ๆ จนเคยมีกรณีหญิงสาวพยายามลดน้ำหนักจนร่างกายทนไม่ไหวและสุดท้ายต้องเข้าโรงพยาบาลไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นกระแสดังพอสมควรจนมีปัญหาตามมาตั้งแต่วงการแฟชั่น วงการอาหารเสริม สื่อโฆษณา ที่ปลูกฝังให้ผู้คนเชื่อว่าการมีหุ่นผอมน้ำหนักตัวน้อยเป็นสิ่งสวยงาม น้ำหนักตัวในเกณฑ์ปกติคือน้ำหนักตัวที่ไม่สร้างความลำบากให้กับการใช้ชีวิต การเคลื่อนไหวจะต้องทำได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว เพราะมนุษย์เราต่างมีหลายชาติพันธุ์หลากเชื้อชาติที่สืบทอดกันมาตามสายเลือด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางคนก็ได้รับสืบทอดโครงสร้างร่างกายที่ใหญ่โต สูงโปร่ง บางคนก็ได้รับโครงสร้างร่างกายที่อ้วน ผอม ให้ทำความเข้าใจใหม่เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปมด้อม การมีน้ำหนักตัวที่ไม่ปกติ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยเกินไปแต่กต่างกันไปในแต่ละคน บางคนก็กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนแต่ก็ไม่แข็งแรง ซึ่งในภาษาเพาะกายจะเรียกว่าคนผอมแต่มีพุง กรณีนี้ก็ถึงแม้จะเป็นคนผอมแต่ก็เป็นคนที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง อวัยวะภายในอาจทำงานผิดปกติ ดังนั้นควรปรับทัศนคติเกี่ยวกับน้ำหนักตัว เพราะการมีสุขภาพที่ดีถือเป็นรางวัลสำหรับชีวิต การอดอาหารฝึกการควบคุมน้ำหนักที่ผิดหลักธรรมชาติมากเกินไปจะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคร้ายแรงตามมาในอนาคต